Review : Biri Gal - แกล แล้วไง ใจก็สู้นะเว้ย! หนังแห่งกำลังใจชั้นดีที่ทุกคนควรต้องดูสักครั้ง!

ต้อนรับปีใหม่ 2019/2562 กับภาพยนตร์ที่ให้กำลังใจกันแบบเต็มเปี่ยมและสร้างจากเรื่องจริงของ คุโด้ ซายากะ เด็กเกรียนประจำชั้นเรียน ที่ได้รับแรงผลักดันจากอาจารย์สอนพิเศษ จนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเคโอ มหาวิทยาลัยที่สอบเข้ายากแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นได้ ท่ามกลางการดูถูกจากทั้งอาจารย์ในโรงเรียนรวมไปถึงคุณพ่อของเธอ โดยเจ้าตัวก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ชีวิตของเธอนั้นเป็นแบบที่เราได้เห็นกันในภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ ทุกระเบียบนิ้วเลย

เรื่องย่อ : สร้างมาจากชีวิตจริงของ คุโด้ ซายากะ ที่เป็นเด็กเกรียนประจำห้อง (แกล) เธอเป็นทีเอือมระอาของครูในโรงเรียน วันหนึ่งเธอโดนจับได้ว่าสูบบุหรี่ จึงโดนพักการเรียน แม่ของเธอให้เธอไปเรียนพิเศษเป็นการฆ่าเวลา และที่นั่นเธอได้พบกับอาจารย์สอนพิเศษ สึโบตะ ผู้ซึ่งใช้จิตวิทยาในการสอนเธอ เปลี่ยนเธอจากเด็กเกเร เป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน จนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยเคโอ ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่สอบเข้ายากแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ จะทำให้คุณเห็นพลังใจของครอบครัว ความเข้าใจในตัวเด็ก และการใช้จิตวิทยาในการสอนของอาจารย์คุโบตะ

สิ่งที่เราประทับใจหลังจากดูหนังเรื่องนี้เลยก็คือ คนเราต้องการกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคในชีวิต ซึ่งกำลังใจนั้น เป็นจากคนที่เรารักมากที่สุด นั่นก็คือพ่อแม่นั่นเอง ซึ่งในเรื่องนี้ ซายากะ ก็ได้กำลังใจจากคุณแม่ในการต่อสู้เพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยเคโอ รวมไปถึงคุณครูสถาบันกวดวิชา คุณครูสึโบตะ ที่เป็นคนไม่ได้เก่งและไม่ได้มีโอกาสมากมายในชีวิต เมื่อเขาได้รับโอกาสที่จะมอบโอกาสให้คนอื่น เขาจึงพร้อมที่จะทุ่มหมดหน้าตัก และเข้าใจทุกคนที่มาเรียนกับเขาในสถาบัน เรียกได้ว่า เป็นอีก 1 กำลังใจทางอ้อมเช่นเดียวกัน เพราะบางที คนเราก็อยากได้กำลังใจจากคนที่เรารู้จักหรือสนิทใจ มากกว่าคนที่รัก(ครอบครัว)ในบางครั้ง

หนังเรื่องนี้ก็สะท้อนในด้านความคิดและมุมมองของคนที่เป็นพ่อแม่ไม่น้อยเลยเช่นเดียวกัน อย่างบางครอบครัวก็จะมีพ่อแม่ที่สนับสนุนความฝันลูกทุกอย่าง, อยากให้ลูกมีความสุขกับสิ่งที่ได้เลือกทำ หรือนำความฝันของตัวเองที่ไม่สามารถทำได้ในช่วงวัยเรียน มายัดให้ลูกทำแทน ซึ่งเราก็จะได้เห็นข้อดีข้อเสียในการกระทำของพ่อแม่ในแต่ละรูปแบบ จากในหนังเรื่องนี้ และเชื่อว่า คนที่เป็นพ่อแม่ได้มาดู อาจจะได้แนวทางในการไปเลี้ยงดูลูกหลานตัวเองเพิ่มเติม หรือถ้าเป็นคนที่ยังไม่มีครอบครัวแต่กำลังจะเริ่มมี ก็ได้ไปเป็นแนวทางว่า เราอยากจะเลี้ยงลูกแบบไหน ในอนาคตต่อไปครับ

การดำเนินเรื่องก็มีทั้งช่วงที่เฮฮาและช่วงดราม่า ซึ่งตัดสลับจังหวะได้ดีมาก ช่วงดราม่าก็จะลงหนักเลย ซึ่งเหมือนพอรู้ว่า ดราม่าเยอะแล้ว คนเขียนและผู้กำกับก็จะใส่ช่วงเฮฮาเข้ามาปรับอารมณ์ให้คลายเครียดในทันที โดยช่วงเฮฮา เราก็จะนั่งขำและยิ้มไปกับตัวละครหลักทั้ง 2 (ซายากะ กับ คุณครูสึโบตะ) รวมไปถึงตัวละครเสริมในเรื่องที่มาช่วยเสริมช่วงเฮฮาให้มีสีสันมากขึ้นด้วย

2 นักแสดงนำ อาริมุระ คาสุมิ (ซายากะ) และ อิโต้ อาสึชิ (คุณครูสึโบตะ) ก็เป็นเหมือนหยินหยาง ที่ผสานกันได้อย่างกลมกล่อม เข้าใจถึงความรู้สึกของตัวละครในแต่ละจังหวะของช่วงชีวิตที่เกิดขึ้นตามเรื่องราวมากขึ้นด้วย และนักแสดงคนอื่นๆ อย่าง โยชิดะ โย (แม่ของซายากะ), โนมุระ โชเฮย์ (เรย์จิ), โอคุดะ โคโคโระ (น้องสาวของซายากะ), ทานากะ เท็ตสึจิ (พ่อของซายากะ) รวมไปถึงนักแสดงคนอื่นๆ ในเรื่อง ก็เข้ามาช่วยเสริมการแสดงและเนื้อเรื่องของหนัง ทำให้เรื่องราวสนุก ดูเพลิน ไม่ได้รู้สึกเบื่อหรืออย่างใดเลย...

สุดท้ายนี้ก็แนะนำอยากให้ชม "Biri Gal : แกล แล้วไง ใจก็สู้นะเว้ย!" กันดูสักครั้งนึง เพราะเป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยกำลังใจที่จะเป็นแรงผลักดันให้พยายามต่อสู้เพื่อความฝัน ใครที่กำลังหมดกำลังใจหรือหมดกำลังใจไปแล้ว ก็อยากจะให้มารับชมเรื่องนี้เพื่อเติมพลังในการต่อสู้เพื่อคว้าความฝันต่อไปครับ